วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พริกไทย


พริกไทย เป็นเครื่องเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นราชาแห่งเครื่องเทศ พริกไทย นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งผลอ่อนและผลสุก พริกไทย อ่อนมีน้ำมันหอมระเหย นิยมปรุงในผัดผัก เพื่อดับบกลิ่นคาว ช่วยย่อยอาหาร แก้ปวดหัว ปวดตามข้อ และ แก้ท้องเสียได้ นอกจากนี้ ยังมี แคลเซียม สูง และ เบตาแคโรทีน ผลสุกนำมาทำเป็นเมล็ดพริกไทยทั้งสองชนิดคือ พริกไทยดำ และ พริกไทยขาว แตกต่างกัน ตรงวิธีการผลิต พริกไทยดำ จะมีรสเผ็ดและกลิ่นหอมกว่าพริกไทยขาว พริกไทย ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ขับเสมหะ ไอ สะอึก ได้ ช่วยกระตุ้นการไหลของ น้ำลายและ น้ำย่อย ขับลมในกระเพราะอาหาร กระตุ้นให้กล้ามเนื้อในกระเพราะและลำไส้คลื่นไหวสม่ำเสมอ อาหารจึงย่อยง่าย จากงานวิจัยพบว่า สารฟีนอลิกส์ ใน พริกไทย มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant สามารถต้าน มะเร็ง ได้

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

พริก


พริก ทุกชนิดจะมีสาร แคปไซซิน มีสรรพคุณช่วยระบบทางเดินหายใจ ความดันโลหิตและหัวใจ ช่วยขับเหงื่อ มีสารต้าน อนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิด มะเร็ง ได้ ถ้ารับประทาน พริก มากๆ หรือรับประทานเผ็ดเป็นประจำ ระบบการย่อยและดูดซึมอาหารจะทำงานไม่ดี แต่ถ้ารับประทานในปริมาณพอเหมาะ จะทำให้เลือดไม่จับตัว เป็นก้อน เลือดไหลเวียนได้ดี

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผักชีฝรั่ง


ผักชีฝรั่ง มีดีในเรื่องกลิ่นไม่แพ้ ผักชีไทย หรือผักชีลาว มักใช้ในอาการรสจัด พวกต้มยำ ลาบ ก้อย เนื่องจากลิ่นของผักชีฝรั่ง กลบกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้อย่างดี ผักชีฝรั่ง มี ไวตามินซี สูง มี เบตาแคโรทีน สูง นำไปใช้สร้าง ไวตามินเอ บำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย มี ไวตามินบี 1 และ บี2 และ ไนอาซิน ให้ระบบการทำงานในร่างกายสมดุล

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผักบุ้ง


ผักบุ้ง ผักพื้นล้านของไทย ที่รู้จักดีนี้อุดมไปด้วย ไวตามินเอ ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงเป็นประกาย ไม่แสบหรือแห้ง และยังช่วยก้องกันการเกิด มะเร็ง ด้วย นอกจาสกไวตามินเอ แล้ว ผักบุ้ง ยังมากล้นไปด้วย ไวตามินซี โดยเฉพาะถ้ากินสดๆ ธาตุเหล็ก ใน ผักบุ้ง ช่วยบำรุงเลือด ส่วน แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ที่มีอยู่ก็ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน หากจะพูดถึงสรรพคุณทางยา ผักบุ้ง มีสารบางชนิดที่ สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้สำหรับคนที่เป็น โรคเบาหวาน ผักบุ้งเป็นผักที่มีฤทธิ์เย็น จึงช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้ ผักบุ้งจีน จะมี แคลเซียม และ เบตาแคโรทีน มากกว่า ผักบุ้ง ชนิดอื่นๆ

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผักชี


ผักชี เป็นผักที่โดดเด่นทั้งรูปร่าง กลิ่น และคุณค่า ต่อร่างกาย ส่วนของ ผักชี ที่เรามักนำมาใช้ประโยชน์ก็คือ เมล็ด และต้น ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว เมล็ดผักชี ใช้ รักษาอาการปวดท้องและช่วยย่อยอาหารอื่นๆ หรือแต่งหน้าอาหารนั้นก็มี สรรพคุณช่วยย่อย เช่นกัน และยังมี เบตาแคโรทีน อีกด้วย แม้จะไม่มากเท่าผักอื่นๆก็ตาม นอกจากนี้ ผักชี ยังมีฤทธิ์เผ็ดร้อนช่วยขับลม บำรุงธาตุแก้คลื่นไส้ได้

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผักกาดขาว


ผักกาดขาว เป็นผักสามัญที่เห็นกันดาษดื่นทั่วไป แต่มีคุณค่าทางอาหารมากมายชนิดต้องแปลกใจ ผักกาดขาว อุดมไปด้วย โฟเลต ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ถ้าแม่ได้รับ โฟเลต น้อยเกินไป การสร้างระบบประสาทและ DNA ของทารกอาจผิดปรกติได้ นอกจากนี้ โฟเลต ยังช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงอีกด้วย

ผักกาดขาว มีสรรพคุณหลายด้าน ทั้งช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษสุรา ซ้ำเส้นใยที่มีอยู่มากใน ผักกาดขาว ยังช่วยให้ผู้ที่ท้องผูกบ่อยๆ ผ่อนหนักเป็นเบาได้อีกด้วย

ผักกาดหอม


ผักกาดหอม เป็นผักที่นิยมรับประทานสดๆ นำมาทำเป็นผักสลัดหรือรับประทานแนมกับอาหารอื่นๆ เพื่อตัดความเลี่ยนและเพิ่มรสชาติของอาหารจานนั้นๆ การรับประทานสดๆ ทำให้ได้รับ ไวตามินซี ที่มีอยู่ใน ผักกาดหอม สูงได้อย่างดี

ผักกาดหอม มีสาร เบตาแคโรทีน สูงเป็นสาร Antioxidant ทำหน้าที่จับ อนุมูลอิสระ ในร่างกายของเรา ทำให้ต้าน มะเร็ง ได้หลายชนิด การแพทย์แผ่นจีนแนะนำให้คุณแม่รับประทานผักกาดหอม มากๆเพื่อเพิ่มน้ำนม

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบแมงลัก

ใบแมงลัก ดูเหมือนจะเป็นแค่เครื่องเคียง หรือแต่งหน้าแต่งกลิ่นอาหารเท่านั้น แท้จริงแล้วใบแมงลัก ยังมีฤทธิ์ทงยาคือ ช่วยขับลม เป็นยาระบายอ่อนๆ และมี เบตาแคโรทีน สูง ส่วนต่างๆ ของใบแมงลัก สามารถนำมาแยก ทำยาได้ โดยเฉพราะในส่วนใบและลำต้น หากรับประทานสดๆจะช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ น้ำคั้น จากใบสดใช้รับประทานแก้หวัดและหลอดลมอักเสบได้ สำหรับเมล็ดถ้ารับประทานเมล็ดแห้งแบบไม่ต้องแช่น้ำสักประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยดูดซึมแก้ โรคเบาหวาน ได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผักโขม

ผักโขม จริงๆ แล้วนั่นคือ ผักปวยเล้ง ใบผักโขม เป็นแหล่ง เบตาแคโรทีน ชั้นเชี่ยม เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็น ไวตามินเอ ช่วยให้สายตาดี นอกจากนี้ยังมี แคลเซียม ฟอสฟอรั และ โปรตีน

ผักโขม มีเส้านใยอาหารมาก ช่วยจับ สารไนโตรต์ ที่เป็นสารก่อ มะเร็ง ซึ่งมักปนเปื้อนมาในผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ไส้กรอก ลดความเสี่ยงในการเป็น มะเร็ง ในกระเพราะอาหาร

คนเฒ่าคนแก่มักแนะนำให้แม่ลูกอ่อนรับประทาน ผักโขม เพื่อน้ำนมเพราะ ผักโขม มี ธาตุเหล็ก สูง

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปวยเล้ง


ปวยเล้ง อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก แต่ ปวยเล้ง ก็มี กรดยูริก มาก คนที่ป่วยเป็น โรคเกาต์ หรือ ไข้ข้ออักเสบ จึงไม่ควรรับประทาน ปวยเล้ง มี คลอโรฟิลล์ สูง จึงเหมาะกับผู้ป่วยเป็น โรคโลหิตจาง ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย และมีอาการเครียด ควรรับประทานสดๆ จึงดีกว่า โดยการนำไปทำสลัด ปวยเล้ง มี เบตาแคโรทีน สูง บำรุงสายตา และผิวพรรณ แถมยังต้าน มะเร็ง ได้อีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลาทะเล


น้ำมันจากปลาทะเล ต่างๆ เช่น ปลาแมคเคอเรล แซลมอน ทูน่า จะละเม็ด กะพงขาว ปลาทู และซาร์ดีน มีกรดชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มกรดไข่มัน ไม่อิ่มตัวที่มีชื่อว่า โอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อการทำงานของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากรับประทานเป็นประจำจะป้องกัน โรคหัวใจ ได้
 

จากการวิจัยพบว่าถ้ากินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจล้มเหลว ได้ถึง 1 ใน 3 การปรุงด้วยวิธีนึ่ง ย่าง อบ และต้ม จะดีที่สุดเพราะ ช่วยรักษาน้ำมันที่มีประโยชน์ไว้ การทอดจะทำลาย โอเมก้า 3 ปลากระป๋องก็ให้ประยชน์เช่นกัน สามารถกินได้ทั้งกระดูกและก้าง ทำให้ได้แคลเซียมเพิ่มขึ้นด้วย

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบปอ


สีเขียวเข้มจัดตัดกับสีขาวนวลของข้าวต้มร้อนๆ ที่พร้อมเสิร์ฟนั้น จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าประกอบด้วยธาตุอาหารธรรมดาๆ แต่หากสำคัญยิ่งต่อรางกาย เช่น เหล็ก แคลเซียม เบตาแคโรทีน ตัวเอกที่ป้องกันการเกิด มะเร็ง และ โรคหัวใจขาดเลือด ใบปอยังมี ไวตามินซีสูง แต่มักจะหมดไปเพราะการผัดน้ำมันด้วยความร้อนสูง อย่างไรก็ตามคุณค่าทางอาหารอย่างอื่นๆ ยังคงอยู่อีกมาก เช่น ไวตามินบี 2 ฟอสฟอรัส ไนอาซิน และ โปรตีน เป็นต้น

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบบัวบก


ใบบัวบก เป็นพืชใบสวยที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์นานาสารพัน สรรพคุณทางยาที่รู้กันมาช้านานก็คือใบบัวบก ช่วยสมานแผลภายนอก ส่วนสารสกัดที่ได้จากผลแห้ง ก็ใช้รักษแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย สมองก็ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ความจำดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ใบบัวบก ยังอุดมไปด้วยไวตามินบี 1 ซึ่งมีมากกว่าผักอีกหลายชนิดในปริมาณที่เท่ากัน เช่น กะหล่ำปลี ผักกระเฉด กะหล่ำดอก คะน้า และยอดชะอม จากการวิจัยพบว่าไวตามินบี 1 เป็นไวตามินที่ช่วยในการพัฒนาสมองของคนเราอีกด้วย

ใบบัวบก นอกจากจะดีกับสมองแล้ว ยังบำรุงหัวใจด้วย เพราะช่วยลดอาการแพ้ ลดความดันเลือด และช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงบำรุงผิวพรรณด้วย ส่วนคุณสมบัติดั้งเดิม ที่เราทราบกันคือ แก้ช้ำใน และอาการบาดเจ็บภายนอกนั้นใบบัวบอกยังมีอยู่เตมเปี่ยม

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บร็อกโคลี


บร็อกโคลี เป็นผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งเป็น อาหารต้านมะเร็ง การรับประทานผักตระกูลกะหล่ำมากๆ ช่วยลดอัตราการเสี่ยงเป็น โรคมะเร็ง ที่ลำไส้ใหญ่ได้ บร็อกโคลี มีไวตามินเอสูง และยังอุดมด้วยเหล็ก ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง ร่างกายอ่อนเพลีย และผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท นอกจากนี้ บร็อกโคลี ยังมีประโยชน์ต่อผู้ที่ปวดข้อ และช่วยป้องกัน โรคหัวใจ ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำผึ้ง


น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติเป็นทั้ง อาหารและยา โดยเฉพาะยาลูกกลอน ของไทยจะมีน้ำผึ้งผสมอยู่ตามมาตรฐานสากล ถือกันว่าน้ำผึ้งที่จัดว่าเป็นน้ำผึ้งดีควรได้จากน้ำหวานของดอกกานพลู น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เนื่องจากพบว่าคนที่ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำจะมีอุจจาระเหลวกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำผึ้ง แต่ในทางตรงข้ามหากผู้ใดเกิดอาหารท้องเสีย น้ำผึ้งก็จะช่วยบรรเทาอาหารท้องเสียได้เช่นกัน คนโบราณจึงถือว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าน้ำตาลในน้ำผึ้งเป็นยานอนหลับอย่างอ่อนอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นม


นม มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม ไวตามินบี เหล็ก และสังกะสีอีกเล็กน้อย นมวัว และ นมแพ มีไขมันสูง ไขมันในนมเป็นไขมัน ประเภทอิ่มตัว ซึ่งจะเพิ่มสปริมาณ โคเลสเตอรอลในเลือด ผู้ใหญ่จึงควรดื่ม นมพร่องมันเนย แต่จะได้ไวตามินเอ ไวตามินดี และไวตามินอีน้อยลง อย่าให้เด็กดื่ม นมพร่องมันเนย เพราะ เด็กจำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นตัวให้พลังงาน
ผู้ใหญ่จำนวนมากไม่มีเอนไซม์ย่อย น้ำตาลในนม เมื่อ ดื่มนม จึงทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด และท้องเสียได้ จึงควรหันไปรับประทาน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เนย และั เนยแข็งแทน

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วเหลือง


ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีน เหล็ก แคลเซียม ไวตามินบีรวม และเลซิทิน เลซิทินสามารถลดโคเลสเตอรอล ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดลดลง ป้องกันการเกิดไขมัน อุดตันในหลอดเลือด บำรุงสมอง ถั่วเหลือง นำมาแปรรูปได้หลายแบบ เช่น แป้งถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง มิโสะ เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ เป็นต้น อีกทั้งยังนำมาปรุงอาหารได้หลากรูปแบบ เป็นอาหารที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วลันเตา


ถั่วลันเตา นิยมนำมาผัดแบบจีน ใน ถั่วลันเตา มีเบตาแคโรทีนสูง เมื่อนำมาผัดกับน้ำมัน จะช่วยให้ร่างกายนำเบตาแคโรทีนไปใช้ได้เพราะเบตาแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของไวตามินเอ ซึ่งละลายได้ในน้ำมัน
ถั่วลันเตา มีรแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีเส้นใยอาหารมาก เพิ่มอุจจาระ ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง และ ที่สำคัญคือเส้นใยอาหารจะดูดสารพิษต่างๆ ในร่างกายแล้วขับออกนอกร่างกาย ช่วยป้องกัน มะเร็ง ได้ดี นอกจากนี้ ถั่วลันเตา และถั่วชนิดอื่นๆ ยังมีโปรตีนจาก พืชมากกว่าผักชนิดอื่นๆ และเป็นโปรตีนที่ดีต่อสสูขภา

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่ว


ถั่ว ส่วนใหญ่ อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมัน มีแร่ธาตุต่างๆ และกรดไขมัน ชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ เราสามารถนำ ถั่ว มาประกอบอาหาร ได้หลายรูปแบบ เช่น นำมาคั่ว อบเนย หรือ ทำเป็นเครื่องดื่ม เช่นนม ถั่วเหลือง เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แตงโม


แตงโม เป็นผลไม้ ที่หวานฉ่ำแสนอร่อย หรือนำมาปั่นเป็นน้ำ แตงโม ดื่มดับกระหายคลายร้อนก็ดี แตงโม เป็นผลไม้ที่กระตุ้นการทำงานของไต เป็นยาระบายอ่อนๆ มีประโยชน์ต่อผู้ป่วย โรคเกาต์ หรือ ท้องผูก เมล็ดแตงโม มาต้มไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที นำมาดื่มเป็นยาบรรเทา อาการป่วยเนื่องจากโรคไตหรือกระเพราะปัสสาวะอักเสบ แตงโม สามารถนำมารับประทานในวันที่อดอาหารมี ประโยชน์เช่นเดียวกับองุ่น คือจะช่วยชำระล้างอวัยวะภายในให้สะอาด

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วพู


ถั่วพู เป็นถั่วอีกชนิดหนึ่งที่มมีโปรตีนสูง โดยเฉพราะโปรตีนที่ชื่อ เลกทิน นอกจากนี้ ถั่วพู ยังไให้กรดอีรูซิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวและโรคผิวหนังบางชนิดด้วย ถั่วพู เป็นผักที่มีคุณค่าอาหารสูง เพราะประกอบด้วยธาตุอาหารต่างๆ ครบครัน เช่น ฟอสฟอรัส ไวตามินเอ ไวตามินบี1 ไวตามินซี หากจะอยากได้ไวตามินซีต้องรับประาน ถั่วพู สดๆ แต่ต้องเลือกฝักอ่อนๆ ที่ยังไม่มีเมล็ด เพราะเมล็ดถั่วพูดิบมีสารประกอบบางชนิดที่มีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ส่วนเมล็ด ถั่วพู แก่ๆ จะมีไวตามินเอ ไวตามินอี และ ยังมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับถั่วเหลืองอีกด้วย

ตำลึง


ตำลึง เป็นผักพื้นบ้าน ที่ปลอดสารพิษแน่นอน มีคุณค่าอาหารสูงมาก โดยเฉพราะอย่างยิ่งมี เบตาแคโรทีนสูง ป้องกันโรค มะเร็ง และ โรคหัวใจ ขาดเลือดได้ มีแคลเซียม เหล็ก และ สารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย

จากงานวิจัยพบว่า ตำลึง ประกอบด้วยเส้นใยที่มี ความสามารถในการจับสาร ไนโตรต์ซึ่งเป็นสารก่อ มะเร็ง ได้ดีที่สุด เืมื่อเทียบกับผักชนิดอื่นๆ ทำให้ลดอัตราเสี่ยง ในการเกิด มะเร็ง ในกระเพราะอาหารได้

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ต้นกระเทียม


ต้นกระเทียม เป็นยาสมุนไพรมานานแล้ว ต้นกระเทียม ใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค เช่นเดียวกับหัวหอม และ กระเทียม ในประเทศฝรั่งเศสใช้ ต้นกระเทียม รักษาโรค ระบบทางเดินปัสสาวะ

ต้นกระเทียม มีโพแทสเซียมสูง มีคุณสมบัติในการชำระล้างอวัยวะภายใน ขับปัสสาวะ และ ขับกรดยูริก คนที่ป่วย โดย โรคไขข้ออักเสบ และ เกาต์ จึงควรรับประทาน ต้นกระเทียม เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรค

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เซเลอรี่


เซเลอรี่ มีลักษณะคล้ายขึ้นฉ่ายแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก เซเลอรี่ อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยขับปัสสาวะ เซเลอรี่ ช่วยรักษาโรคไขข้อ จากการวิจัยของ ด๊อกเตอร์เดวิด เลวิส  สถาบันวิจัย แอสตัน 

แห่งมหาวิทยาลัยใน บริเทน ได้ผลการวิจัยว่า เซเลอรี่ ช่วยลดกรดยูริกที่ทำให้ปวดไขข้อ เซเลอรี่ ใช้ได้ทั้งใบและเมล็ด ใบ เซเลอรี่ 
นำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัด สลัด ฯลฯ 

ส่วนเมล็ดนำมาชงกับน้ำร้อน ช่วยบรรเทาอาหาร ไขข้ออักเสบ เกาต์ หรือ อาจจะให้ดื่มน้ำ เซเลอรี วันละครึ่งแก้วก็ได้ คนไข้ที่ป่วยเป็น โรคไต ก็สามารถรับประทานได้ เซเลอรี่ ช่วยลด แบคทีเรีย ในทางเดินปัสสาวะได้ด้วย

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชา


ชา เป็นเครื่องดื่ม สารพัดประโยชน์ มี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ชาจีน กับ ชาฝรั่ง ซึ่งมีกลิ่นและรสต่างกันตามกรรมวิธีการผลิต ในใบชามี เคเฟอีน ที่กระตุ้นสองให้สดชื่นแจ่มใส มี สารแทนนิน ที่มีรสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียได้ โดย ชงชา ให้แก่จนฝาด แล้วดื่มเป็นระยะจนกว่าจะหยุดถ่าย อย่าดื่มมากเกินไปเดี๋ยวจะท้องผูก

นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ใน ชาจีน ยังมีสารต้าน มะเร็ง ที่มีประสิทธิภาพ สามารถยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อ มะเร็ง  รุนแรงได้ ดังนั้นเราจึงควร ดื่มชา ระหว่าง อาหารเป็นประจำ เพื่อป้องกัน มะเร็ง ไม่ให้มากล้ำราย


วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชะอม


ชะอม เป็นผัก กลิ่นแรงที่ให้เส้นใยอาหารสูง อม 100 กรัม ให้เส้นใยอาหารสูงถึง 3.9 กรัม ใยอาหาร จะจับสารก่อ มะเร็ง ต่างๆ เอาไว้เพื่อขับถ่ายทิ้งไปในที่สุด

ยอด ชะอม ที่เรานิยมนำมาทำ ไข่ทอด ชะอม รับประทานกับน้ำพริก ชะอม มีสารเบตาแคโรทีนสูง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นไวตามินเอ เปนสารตาน อนุมูลอิสระ ป้องกัน โรคหัวใจขาดเลือด ได้

ข้อควรระวังคือ คุณแม่ลูกอ่อน ไม่ควรรับประทาน ชะอม เพราะ เชื่อว่าจะทำให้น้ำนมแห้ง

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แครอต


แครอต อุดมไปด้วย เบตาแคโรทีน แครอต 1 หัว จะให้ไวตามินเอในปริมาณที่ร่างกายต้องการเพียงพอสำหรับ 1 วัน และยังมีไวตามินซีด้วย

แครอต มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนังและสายตา แครอต เป็นผักที่ได้ชื่อว่า ช่วยป้องกัน มะเร็ง อีกด้วย โดยเฉพราะ มะเร็ง ในปอด เพราะเบตาแคโรทีน เป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ  หรือ Antioxidant 


หากจะอดอาหารเพื่อสุขภาพ สัก 2-3 วันโดยไม่รับประทานอะไรเลย นอกจากน้ำกับ แครอตสด จะช่วยรักษาโรคตับ น้ำแครอต มีประโยชน์ต่อคนที่เป็น ดีซ่าน ด้วย

งา


งา ชาวมังสาวิรัติทุกคนจะรู้จัก งา เป็นอย่างดี งา 100 กรัม ให้โปรตีนถึง 26 กรัม และยังมี กรดอะมิโน ที่มีประโยชน์ต่อตับและไตอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

งา 100 กรัมมีเหล็ก 7 เมิลลิกรัม และสังกะสี 10.3 มิลลิกรัม ควรรับประทาน งา พร้อมกับผลไม้หรือผักที่ให้ไวตามินซี ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากโปรตีนและเกลือแร่แล้ว งา ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและ ไวตามินอีอีกด้วย

คุณประโยชน์ที่สำคัญอย่างยิ่งของ งา อีกอย่างหนึ่งก็คือ งา มีแคลเซียมสูงมาก ใน งาดำ คั่ว 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 1,452 มิลลิกรัม ซึ่งคนปกติต้องการแคลเซียม 1,200 - 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น การรับประทาน งา เป็นประจำจะช่วยเสริมแคลเซียมให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แค



แค เป็นผักพื้นบ้านของเรามานาน รายการอาหารยอดนิยมก็คือ แกงส้มดอกแค คนโบราณมักแนะนำให้คนที่เป็นหวัด รับประทานแกงส้ม แก้หวัด คัดจมูกได้ เพราะน้ำจาก ดอกแค มีสรรพคุณแก้ปวดหัว มึนหัวและคัดจมูก


ยอดแค มีเบตาแคโรทีนสูงมาก เบตาแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนเป็นไวตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกัน โรคมะเร็ง ได้ ยอดแค มีเบตาแคโรทีนมากกว่า ดอกแค แต่ ดอกแค มีไวตามินซีสูงกว่า ยอดแค รับประทาน ดอกแค สดๆ 100 กรัม จะได้ ไวตามินซีถึง 35 มิลลิกรัม ป้องกัน โรคเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันหวัด และ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขึ้นฉ่าย


ขึ้นฉ่าย ที่เราพบเห็นทั่วไปในตลาดจะเป็น ขึ้นฉ่าย พันธุ์จีน ส่วน ขึ้นฉ่าย พันธุ์ฝรั่ง หรือ เซเลอรีมีต้นอวบใหญ่กว่า ขึ้นฉ่าย มีสารพิเศษที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยลดความดันโลหิตได้ 

ขึ้นฉ่าย สดๆ มีไวตามินซีสูง นำมาทำสลัด ยำรสจัด หรือ ทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้ดี


นอกจากนี้ ขึ้นฉ่าย ยังมีเบตาแคโรทีนสูง ช่วยป้องกัน โรคมะัเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด และเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ขึ้นฉ่าย มีโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคไต แถมรับประทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเพราะมีแคลอรีต่ำ



ลำต้นและใบของขึ้นฉ่ายมีน้ำมันหอมระเหย ทำให้มีกลิ่นหอมเมื่อนำมาปรุงอาหาร จะช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหารได้

ขี้เหล็ก


ขี้เหล็ก เป็นผักที่คนส่วนใหญ่เมิน ไม่ค่อยมีโอกาสได้รับประทานสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ ขี้เหล็ก มีแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์มากมาย ขี้เหล็ก มี เบตาแคโรทีน สูง ช่วยบำรุงสายตา ต้าน อนุมูลอิสระ ลดโอกาสการเป็น มะเร็ง


สารแอนทราควิโนนในใบและดอกตูมเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ถ่ายคล่อง แก้ท้องผูก และยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่วอีกด้วย

ใบ ขี้เหล็ก มีสรรพคุณทำให้นอนหลับได้ง่ายและคลายเครียด โดยใช้ใบแห้ง 30-40 กรัม หรือใบสด 50 กรัมต้มกับน้ำ 1 ลิตรให้เดือดนาน 15 นาที ดื่มก่อนนอนจะทำให้นอนหลับสบาย

คะน้า


คะน้า เป็นพืชตระกูลเดียวกับ ะหล่ำ ใบเขียวๆของ คะน้า เป็นแหล่งรวมไวตามิน และ เกลือแร่มากมาย เช่น ไวตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื่้นและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคสมบูรณ์ แต่ไวตามินซีสลายไปได้ง่าย ดังนั้นการรับประทานสดๆ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

นอกจากไวตามินซีแล้ว คะน้า ยังอุดมด้วยสารเบตาแคโรทีน ช่วยลด โอกาสการเป็น มะเร็ง ที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ ลำคอ ปอด และกระเพาะปัสสาวะได้


ทีเด็ดอีกอย่างของ คะน้า คือ มีแคลเซียมสูง แถมยังดูดซึม ได้ดีกว่าแคลเซียมจากผักชนิดอื่นๆ ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข้าวโอ๊ต


ข้าวโอ๊ต เป็นอาหารที่ ชาวยุโรปบริโภคกันเป็นประจำ ข้าวโอ๊ต อุดมไปด้วย สารอาหารที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกาย ข้าวโอ๊ต 100 กรัม มีโปรตีน 12 กรัม ไวตามินอีเล็กน้อย ไวตามินบีรวม มีแคลเซียมสูง โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม มีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้กระดูก และ ฟัน แข็งแรง

ข้าวโอ๊ต ช่วยบรรเท่าอาการเจ็บ และ ระคายเคือง ของ ลำไส้ได้เป็นอย่างดี ข้าวโอ๊ต เป็นอาหารที่ช่วยรักษาอาการ ป่วยได้ดี จึงนิยมให้ผู้ป่วยรับประทานข้าวโอ๊ต ต้ม

ข้าวโอ๊ต ยังเหมาะกับผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย ข้าวโอ๊ต มีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ จึงช่วยลด โคเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข้าวสาลี


ข้าวสาลี ก็เช่นเดียวกับข้าวที่ปัจจุบันถูกขัดสีจนขาว ขัดเอาไวตามิน และ เกลือแร่ออกไปจนหมด อย่างเช่น สังกะสี แมกนีเซียม ไวตามินบี 6 ไวตามินอี และ แทบจะไม่มีกากใยหลงเหลืออยู่เลย

แป้งสาลีชนิดไม่ขัดขาวมีคุณค่าอาหารอย่างมาก อุดมไปด้วยโปรตีน ขนมปังโฮลวีต จึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก
ข้าวสาลี นำไปเพระเป็นกล้าอ่อน นำมาปรุงอาหารจะให้คุณค่า ทางอาหารอย่างมาก เหมาะกับผู้ป่วย โรคมะเร็ง

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ข้าว


ข้าว เป็นอาหารหลัก ของชาวตะวันออก หลายๆชาติ เช่น ไทย ญี่ปุ่น จีน เปนต้น ข้าว เป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก แต่ปัจจุบันได้ถูกขัดสีจนขาว ซึ่งทำให้ผู้คนเป็นรคเหน็บชากันมาก เพราะว่าไวตามินบี 1 หรือ ไทอามีน ซึ่งมีอยู่ใน ข้าวกล้อง ได้ถูกขัดสีออกไปจนหมด ข้าวกล้อง จึงมีคุณค่า ทางอาหารมากกว่า ข้าว ขัดขาว

ข้าวต้ม ข้าวกล้อง เปล่าๆ รับประทานบรรเทาอาการท้องเสีย น้ำข้าวช่วยลดไขมัน เมล็ดธัญพืชที่ไม่ขัดสีจะทำให้ร่างกายหายจากอาการเจ็บป่าย และ เพิ่มพลังงานด้วย กากใยที่มีอยู่ในเมล็ดพืช จะลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ และ มะเร็งที่อื่นๆ

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กุยช่าย


กุยช่าย เป็นผัก กลิ่นแรงชนิดหนึ่ง ที่เราคุ้นเคยกัน มี 3 ประเภทคือ กุยช่ายเขียว กุยช่ายขาว และ ดอกกุยช่าย ซึ่งล้วนแต่เป็นพันธุ์เดียวกันทั้งนั้น ต่างกันตรงกระบวนการปลูก และ การตัดส่วนมาขาย

กุยช่าย มีแคลเซียม และ ฟอสฟอรัสสูง ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง มีธาตุเหล็กที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมด้วยไวตามินซี และ เบตาแคโรทีน ที่สำคัญ ก็คือ กุยช่าย มีกากใยอาหารสูง ช่วยในารขับถ่ายคล่อง ท้องไม่ผูก ลดโอกาสการเป็นริดสีดวงทวาร และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ดี

ข่า



ข่า เป็นอีกหนึ่งในพืชผัก สมุนไพรที่ครัวไทยบ้านเราขาดไม่ได้ เพราะนอกจากสรรพคุณด้านยาแล้ว ข่า ยังประกอบด้วย ไวตามินหลากหลาย ไวตามินบี 1 ไวตามินบี 2 และ ไวตามินซี มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และ เบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตัวสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็ง

นอกจากนี้ ข่า ยังช่วยขับลมแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อแน่น จุกเสียด ขับเมหะ หลอดลมอักเสบ ลดอาการเร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ต้านวัณโรค

อาหารจานต่อไปอาจเป็นข้าวน้ำพริกลงเรือที่รับปราน กับเครื่องเคียงอย่างข่า อ่อนต้มก็ไม่เลวเลยทีเดียว เพราะได้ทั้ง คุณค่าและความอร่อยครบสูตร

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กีวีฟรุต



กีวีฟรุต นับว่าเป็น ผลไม้ที่แปลก เปลือกดูไม่ค่อยน่ารับประทน แต่เนื้อในเป็นสีเขียวฉ่ำแสนอร่อยแถมยังมีคุณค่าอาหารมากมายทีเดียว กีวีฟรุต มีไวตามินซีมากกว่าส้มถึงสองเท่า มีกากใยมากกว่าแอปเปิล และมีไวตามินอีเท่ากับ อโวคาโด

กีวีฟรุต ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเครียด ความอ่อนเพลีย และ ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น

กีวีฟรุต สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ เวลาจะรับประทาน จึงค่อยปอกเปลือกออก เพื่อรับประทานได้ตามต้องการ

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขิง


ขิง ช่วยทุเลาอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดได้ เพราะขิง จะช่วย กระตุ้นการบีบตัวของกระเพราะอาหาร และ ลำไส้ ช่วยขับลม ทำให้สบายท้อง

ขิง ใช้ป้องกันอาการเมารถเมาเรือ ได้ดีว่ายาเป้องกันเมารถเมาเรือเสียอีกเพราะยาพวกนี้มีผลข้างเคียงคือ ทำให้ง่วง ปากแห้ง มึนงง ในขณะที่ ขิง ไม่มีผลข้างเคียงเหล้านี้ คราวหน้าก่อนขึ้นรถลงเรือ อย่าลืมดื่มน้ำ ขิงแก่ หรือ รับประทาน ไก่ผัดขิง ไปล่วงหน้า

คนที่ไอโขลกๆ ให้ฝนขิงกับน้ำมะนาว ผสมเกลือ เล็กน้อยใช้กวาดคอ อาการไอ และ เสมหะ จะ บรรเทาลง

กล้าอ่อน


ในที่นี้หมายถึง การนำเมล็ดธัญพืช มาเพราะให้งอก แล้วนำมารับประทานเลย เมล็ดพืช ขณะที่กำลังงอกนั้น ปริมาณ ไวตามินจะเพิ่มขึ้นถึง 700% และ อุดมไปด้วยไวตามินบี 12 เกลือแร่ และ เอนไซม์ รับประทานกล้าอ่อนสดๆ เช่น นำไปใส่แซนด์วิช หรือ ใส่สลัดผัก

เมล็ดธัญพืช ที่นำมาเพราะได้ก็มีถั่วเหลือง ถั่วเขียว อัลฟัลฟา งา ข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น หากได้เมล็ดธัญพืชปลอดสารพิษก็ยิงดี เมล็ดธัญพืชที่เพราะใช้เวลา 2-6 วันก็นำมารับประทานได้

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กล้วย



กล้วย เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง และยังมีสังกะสี เหล็ก กรดโฟลิก แคลเซียม และสารอาหารอื่นๆ ที่มี

ประโยชน์ต่อร่างกาย กล้วย มี เพกติน ซึ่งช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกได้ เช่น เดียวกับ แอปเปิล สารนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น

กล้วย มีปริมาณ ไวตามินบี 6 เท่ากับตับ ในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน หัวปลี ก็มีประโยชน์ไม่แพ้ผล กล้วย หัวปลีให้ ไวตามิน สูง นำมากินแกล้มผัดไทย หรือจะใส่ในต้มข่าไก่ก็อร่อยเหมือนกัน

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กะหล่ำปลี


น้ำ กะหล่ำปลี คั้นสดสามารถรักษาโรค แผลในกระเพราะอาหารได้ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางควร รับประทน กะหล่ำปลี เพราะมีธาตุเหล็กสูง

จากการทดลอง พบว่าเม็ดเลือดแดงของกระต่าย อยู่ในระดับปกติเมื่อได้กิน กะหล่ำปลี กะหล่ำปลี ยังมี ประโยชน์ต่อผู้ที่เครียดจัด และ ผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจ กะหล่ำปลี เป็นอาหารต้าน มะเร็ง อีกชนิดหนึ่ง จากผลการวิจัย กินกะเหล่ำปลีมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะลด โอกาสการเป็น มะเร็ง ลำไส้ในผู้ชายได้ถึงร้อยละ 66 ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ไม่ควรกิน กะหล่ำปลี สดมาก เพราะใน กะหล่ำปลี สดมีสาร Goitrogen ซึ่งถ้ามีมากจะขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กะหล่ำดอก




กะหล่ำดอก เป็นผักตระกูลเดียวกับ กะหล่ำปลี และ บรอกโคลี มีไวตามินซีสูงมาก กะหล่ำดอก 100 กรัม มีไวตามินซีสูงถึง 96มิลลิกรัม สูงกว่าที่ร่างกายเราต้องการใน 1 วัน คือ 60 มิลลิกรัมเสียอีก 

นอกจากจะช่วยป้องกัน โรคเลือดออกตามไรฟันแล้ว ยังช่วยเพิ่มปรมาณ สเปิร์ม และทำให้ สเปิร์ม แข็งแรงด้วย

ในกะหล่ำดอกมีสาร ซัลโฟราเฟน ที่เพิ่มปริมาณเอนไซม์ ที่เป็นหลักในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกัน มะเร็ง ที่เต้านมและลำไส้ใหญ่ได้ดี

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กะเพรา


กะเพรา มีกลิ่นรสร้อนแรงซึ่งใช้สยบกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ในอาหารต่างๆได้ดี กะเพรา มีคุณสมบัติหลายๆอย่างที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น 

สรรพคุณทางยาหรือในการนำมาประกอบอาหาร โดยเฉพราะ ฤทธิ์ทางยา กะเพรา ช่วยคลายความอึดอัด ไม่สบายท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือจุกเสียด โดยให้ใช้ กะเพรา ชงในน้ำร้อนแล้วดื่ม อาการจะดีขึ้น นอกจากนี้ กะเพรา ยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่ในสตรีหลังคลอดอีกด้วย

ส่วนสารอาหารอื่นที่มีอยู่ใน กะเพรา ก็เช่น เบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้ ใบ กะเพรา ยังมีแคลเซียม และ ฟอสฟอรัสสูงมาก ซึ่งจะช่วยบำรุงกระดูก ให้แข็งแรง ดังนั้นการปรุงอาหารที่มีส่วนประกอบของใบ กะเพรา อยู่ด้วยก็จะช่วยให้ได้สารอาหารค่อนข้างครบครันเลยทีเดียว


กระเทียม


กระเทียม จัดเป็นยอดสมุนไพรชนิดหนึ่ง คุณสมบัติของ กระเทียม เป็นที่รู้จักกันดีแทบจะเรียกว่าทั่วโลก กระเทียมสามารถป้องกันมะเร็ง รักษาโรคหัวใจ โรคติดเชื้อต่างๆ เช่น วัณโรคและไทฟอยด์ โรคปอดลำไส้อักเสบ และ โรคเกาต์

กระเทียมมีคุณสมบัติ เป็นยาแก้อักเสบ และ ทำลายแบคทีเรีย โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย นอกจากนี้ยังช่วย ลดโคเลสเตอรอล และลดความดันโลหิตสูงอีกด้วย

กระชาย


กระชาย เป็นพืชสมุนไพรที่นำมาประกอบเป็นส่วนหนึ่ง ของอาหารไทยหลายชนิด กระชาย มีน้ำมันหอมระเหย และ สารสำคัญหลายชนิดที่มี

สรรพคุณ
ในการช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น และแก้อาการปวดมวนในท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจ รักษากลาก เกลื้อน และ งูสวัด

ส่วนสารอาหารที่พบมากในราก และ เหง้าของ กระชาย ก็คือแคลเซียม และ ไวตามินเอ หากอยากได้สาร อาหารและสรรพคุณจาก กระชาย อย่างครบถ้วนก็อาจรับประทาน กระชาย เป็นหนึ่งในผักเคียงกับน้ำพริกได้

กระเจี๊ยบมอญ




กระเจี๊ยบมอญ เป็นพืชผักที่มี ลักษณะปลายฝักแหลม รูปทรงเป็น 5 เหลี่ยม หากดูให้ดีแล้วก็สวยแปลกไม่เหมือนใครดี

สรรพคุณ ของ กระเจี๊ยบมอญ ก็มีมากหลาย เช่น สารสกัดจาก กระเจี๊ยบมอญ ช่วยในการขับพยาธิตัวจี๊ด รักษาความดันโลหิตให้เป็นปกติ ช่วยบำรุงสมอง

นอกจากนี้ กระเจี๊ยบมอญ ยังประกอบด้วย ไวตามินเอ ไวตามินบี 1 ไวตามินบี 2 เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และเมือก โดยเฉพราะเมือกจะมีคุณสมบัติเด่น คือรักษาโรคกระเพราะ บรรเทาอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่อที่อักเสบ กระเจี๊ยบมอญ จึงเป็นผักที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ในคนที่เป็นเยื่อบุกกระเพราะหรือลำไส้อักเส และ ยังเป็นยาระบายที่ดีอีกด้วย

บทความที่ได้รับความนิยม