วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบแมงลัก

ใบแมงลัก ดูเหมือนจะเป็นแค่เครื่องเคียง หรือแต่งหน้าแต่งกลิ่นอาหารเท่านั้น แท้จริงแล้วใบแมงลัก ยังมีฤทธิ์ทงยาคือ ช่วยขับลม เป็นยาระบายอ่อนๆ และมี เบตาแคโรทีน สูง ส่วนต่างๆ ของใบแมงลัก สามารถนำมาแยก ทำยาได้ โดยเฉพราะในส่วนใบและลำต้น หากรับประทานสดๆจะช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ น้ำคั้น จากใบสดใช้รับประทานแก้หวัดและหลอดลมอักเสบได้ สำหรับเมล็ดถ้ารับประทานเมล็ดแห้งแบบไม่ต้องแช่น้ำสักประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยดูดซึมแก้ โรคเบาหวาน ได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผักโขม

ผักโขม จริงๆ แล้วนั่นคือ ผักปวยเล้ง ใบผักโขม เป็นแหล่ง เบตาแคโรทีน ชั้นเชี่ยม เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็น ไวตามินเอ ช่วยให้สายตาดี นอกจากนี้ยังมี แคลเซียม ฟอสฟอรั และ โปรตีน

ผักโขม มีเส้านใยอาหารมาก ช่วยจับ สารไนโตรต์ ที่เป็นสารก่อ มะเร็ง ซึ่งมักปนเปื้อนมาในผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ไส้กรอก ลดความเสี่ยงในการเป็น มะเร็ง ในกระเพราะอาหาร

คนเฒ่าคนแก่มักแนะนำให้แม่ลูกอ่อนรับประทาน ผักโขม เพื่อน้ำนมเพราะ ผักโขม มี ธาตุเหล็ก สูง

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปวยเล้ง


ปวยเล้ง อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก แต่ ปวยเล้ง ก็มี กรดยูริก มาก คนที่ป่วยเป็น โรคเกาต์ หรือ ไข้ข้ออักเสบ จึงไม่ควรรับประทาน ปวยเล้ง มี คลอโรฟิลล์ สูง จึงเหมาะกับผู้ป่วยเป็น โรคโลหิตจาง ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย และมีอาการเครียด ควรรับประทานสดๆ จึงดีกว่า โดยการนำไปทำสลัด ปวยเล้ง มี เบตาแคโรทีน สูง บำรุงสายตา และผิวพรรณ แถมยังต้าน มะเร็ง ได้อีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ปลาทะเล


น้ำมันจากปลาทะเล ต่างๆ เช่น ปลาแมคเคอเรล แซลมอน ทูน่า จะละเม็ด กะพงขาว ปลาทู และซาร์ดีน มีกรดชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มกรดไข่มัน ไม่อิ่มตัวที่มีชื่อว่า โอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อการทำงานของเซลล์ ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากรับประทานเป็นประจำจะป้องกัน โรคหัวใจ ได้
 

จากการวิจัยพบว่าถ้ากินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจล้มเหลว ได้ถึง 1 ใน 3 การปรุงด้วยวิธีนึ่ง ย่าง อบ และต้ม จะดีที่สุดเพราะ ช่วยรักษาน้ำมันที่มีประโยชน์ไว้ การทอดจะทำลาย โอเมก้า 3 ปลากระป๋องก็ให้ประยชน์เช่นกัน สามารถกินได้ทั้งกระดูกและก้าง ทำให้ได้แคลเซียมเพิ่มขึ้นด้วย

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบปอ


สีเขียวเข้มจัดตัดกับสีขาวนวลของข้าวต้มร้อนๆ ที่พร้อมเสิร์ฟนั้น จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าประกอบด้วยธาตุอาหารธรรมดาๆ แต่หากสำคัญยิ่งต่อรางกาย เช่น เหล็ก แคลเซียม เบตาแคโรทีน ตัวเอกที่ป้องกันการเกิด มะเร็ง และ โรคหัวใจขาดเลือด ใบปอยังมี ไวตามินซีสูง แต่มักจะหมดไปเพราะการผัดน้ำมันด้วยความร้อนสูง อย่างไรก็ตามคุณค่าทางอาหารอย่างอื่นๆ ยังคงอยู่อีกมาก เช่น ไวตามินบี 2 ฟอสฟอรัส ไนอาซิน และ โปรตีน เป็นต้น

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบบัวบก


ใบบัวบก เป็นพืชใบสวยที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์นานาสารพัน สรรพคุณทางยาที่รู้กันมาช้านานก็คือใบบัวบก ช่วยสมานแผลภายนอก ส่วนสารสกัดที่ได้จากผลแห้ง ก็ใช้รักษแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย สมองก็ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ความจำดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ใบบัวบก ยังอุดมไปด้วยไวตามินบี 1 ซึ่งมีมากกว่าผักอีกหลายชนิดในปริมาณที่เท่ากัน เช่น กะหล่ำปลี ผักกระเฉด กะหล่ำดอก คะน้า และยอดชะอม จากการวิจัยพบว่าไวตามินบี 1 เป็นไวตามินที่ช่วยในการพัฒนาสมองของคนเราอีกด้วย

ใบบัวบก นอกจากจะดีกับสมองแล้ว ยังบำรุงหัวใจด้วย เพราะช่วยลดอาการแพ้ ลดความดันเลือด และช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงบำรุงผิวพรรณด้วย ส่วนคุณสมบัติดั้งเดิม ที่เราทราบกันคือ แก้ช้ำใน และอาการบาดเจ็บภายนอกนั้นใบบัวบอกยังมีอยู่เตมเปี่ยม

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บร็อกโคลี


บร็อกโคลี เป็นผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งเป็น อาหารต้านมะเร็ง การรับประทานผักตระกูลกะหล่ำมากๆ ช่วยลดอัตราการเสี่ยงเป็น โรคมะเร็ง ที่ลำไส้ใหญ่ได้ บร็อกโคลี มีไวตามินเอสูง และยังอุดมด้วยเหล็ก ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง ร่างกายอ่อนเพลีย และผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท นอกจากนี้ บร็อกโคลี ยังมีประโยชน์ต่อผู้ที่ปวดข้อ และช่วยป้องกัน โรคหัวใจ ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำผึ้ง


น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติเป็นทั้ง อาหารและยา โดยเฉพาะยาลูกกลอน ของไทยจะมีน้ำผึ้งผสมอยู่ตามมาตรฐานสากล ถือกันว่าน้ำผึ้งที่จัดว่าเป็นน้ำผึ้งดีควรได้จากน้ำหวานของดอกกานพลู น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เนื่องจากพบว่าคนที่ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำจะมีอุจจาระเหลวกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำผึ้ง แต่ในทางตรงข้ามหากผู้ใดเกิดอาหารท้องเสีย น้ำผึ้งก็จะช่วยบรรเทาอาหารท้องเสียได้เช่นกัน คนโบราณจึงถือว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าน้ำตาลในน้ำผึ้งเป็นยานอนหลับอย่างอ่อนอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

นม


นม มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม ไวตามินบี เหล็ก และสังกะสีอีกเล็กน้อย นมวัว และ นมแพ มีไขมันสูง ไขมันในนมเป็นไขมัน ประเภทอิ่มตัว ซึ่งจะเพิ่มสปริมาณ โคเลสเตอรอลในเลือด ผู้ใหญ่จึงควรดื่ม นมพร่องมันเนย แต่จะได้ไวตามินเอ ไวตามินดี และไวตามินอีน้อยลง อย่าให้เด็กดื่ม นมพร่องมันเนย เพราะ เด็กจำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นตัวให้พลังงาน
ผู้ใหญ่จำนวนมากไม่มีเอนไซม์ย่อย น้ำตาลในนม เมื่อ ดื่มนม จึงทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด และท้องเสียได้ จึงควรหันไปรับประทาน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เนย และั เนยแข็งแทน

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วเหลือง


ถั่วเหลือง อุดมด้วยโปรตีน เหล็ก แคลเซียม ไวตามินบีรวม และเลซิทิน เลซิทินสามารถลดโคเลสเตอรอล ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดลดลง ป้องกันการเกิดไขมัน อุดตันในหลอดเลือด บำรุงสมอง ถั่วเหลือง นำมาแปรรูปได้หลายแบบ เช่น แป้งถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง มิโสะ เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ เป็นต้น อีกทั้งยังนำมาปรุงอาหารได้หลากรูปแบบ เป็นอาหารที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วลันเตา


ถั่วลันเตา นิยมนำมาผัดแบบจีน ใน ถั่วลันเตา มีเบตาแคโรทีนสูง เมื่อนำมาผัดกับน้ำมัน จะช่วยให้ร่างกายนำเบตาแคโรทีนไปใช้ได้เพราะเบตาแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของไวตามินเอ ซึ่งละลายได้ในน้ำมัน
ถั่วลันเตา มีรแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีเส้นใยอาหารมาก เพิ่มอุจจาระ ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง และ ที่สำคัญคือเส้นใยอาหารจะดูดสารพิษต่างๆ ในร่างกายแล้วขับออกนอกร่างกาย ช่วยป้องกัน มะเร็ง ได้ดี นอกจากนี้ ถั่วลันเตา และถั่วชนิดอื่นๆ ยังมีโปรตีนจาก พืชมากกว่าผักชนิดอื่นๆ และเป็นโปรตีนที่ดีต่อสสูขภา

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่ว


ถั่ว ส่วนใหญ่ อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมัน มีแร่ธาตุต่างๆ และกรดไขมัน ชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ เราสามารถนำ ถั่ว มาประกอบอาหาร ได้หลายรูปแบบ เช่น นำมาคั่ว อบเนย หรือ ทำเป็นเครื่องดื่ม เช่นนม ถั่วเหลือง เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แตงโม


แตงโม เป็นผลไม้ ที่หวานฉ่ำแสนอร่อย หรือนำมาปั่นเป็นน้ำ แตงโม ดื่มดับกระหายคลายร้อนก็ดี แตงโม เป็นผลไม้ที่กระตุ้นการทำงานของไต เป็นยาระบายอ่อนๆ มีประโยชน์ต่อผู้ป่วย โรคเกาต์ หรือ ท้องผูก เมล็ดแตงโม มาต้มไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที นำมาดื่มเป็นยาบรรเทา อาการป่วยเนื่องจากโรคไตหรือกระเพราะปัสสาวะอักเสบ แตงโม สามารถนำมารับประทานในวันที่อดอาหารมี ประโยชน์เช่นเดียวกับองุ่น คือจะช่วยชำระล้างอวัยวะภายในให้สะอาด

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถั่วพู


ถั่วพู เป็นถั่วอีกชนิดหนึ่งที่มมีโปรตีนสูง โดยเฉพราะโปรตีนที่ชื่อ เลกทิน นอกจากนี้ ถั่วพู ยังไให้กรดอีรูซิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวและโรคผิวหนังบางชนิดด้วย ถั่วพู เป็นผักที่มีคุณค่าอาหารสูง เพราะประกอบด้วยธาตุอาหารต่างๆ ครบครัน เช่น ฟอสฟอรัส ไวตามินเอ ไวตามินบี1 ไวตามินซี หากจะอยากได้ไวตามินซีต้องรับประาน ถั่วพู สดๆ แต่ต้องเลือกฝักอ่อนๆ ที่ยังไม่มีเมล็ด เพราะเมล็ดถั่วพูดิบมีสารประกอบบางชนิดที่มีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ส่วนเมล็ด ถั่วพู แก่ๆ จะมีไวตามินเอ ไวตามินอี และ ยังมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับถั่วเหลืองอีกด้วย

ตำลึง


ตำลึง เป็นผักพื้นบ้าน ที่ปลอดสารพิษแน่นอน มีคุณค่าอาหารสูงมาก โดยเฉพราะอย่างยิ่งมี เบตาแคโรทีนสูง ป้องกันโรค มะเร็ง และ โรคหัวใจ ขาดเลือดได้ มีแคลเซียม เหล็ก และ สารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย

จากงานวิจัยพบว่า ตำลึง ประกอบด้วยเส้นใยที่มี ความสามารถในการจับสาร ไนโตรต์ซึ่งเป็นสารก่อ มะเร็ง ได้ดีที่สุด เืมื่อเทียบกับผักชนิดอื่นๆ ทำให้ลดอัตราเสี่ยง ในการเกิด มะเร็ง ในกระเพราะอาหารได้

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ต้นกระเทียม


ต้นกระเทียม เป็นยาสมุนไพรมานานแล้ว ต้นกระเทียม ใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค เช่นเดียวกับหัวหอม และ กระเทียม ในประเทศฝรั่งเศสใช้ ต้นกระเทียม รักษาโรค ระบบทางเดินปัสสาวะ

ต้นกระเทียม มีโพแทสเซียมสูง มีคุณสมบัติในการชำระล้างอวัยวะภายใน ขับปัสสาวะ และ ขับกรดยูริก คนที่ป่วย โดย โรคไขข้ออักเสบ และ เกาต์ จึงควรรับประทาน ต้นกระเทียม เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรค

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เซเลอรี่


เซเลอรี่ มีลักษณะคล้ายขึ้นฉ่ายแต่ขนาดใหญ่กว่ามาก เซเลอรี่ อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยขับปัสสาวะ เซเลอรี่ ช่วยรักษาโรคไขข้อ จากการวิจัยของ ด๊อกเตอร์เดวิด เลวิส  สถาบันวิจัย แอสตัน 

แห่งมหาวิทยาลัยใน บริเทน ได้ผลการวิจัยว่า เซเลอรี่ ช่วยลดกรดยูริกที่ทำให้ปวดไขข้อ เซเลอรี่ ใช้ได้ทั้งใบและเมล็ด ใบ เซเลอรี่ 
นำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น ผัด สลัด ฯลฯ 

ส่วนเมล็ดนำมาชงกับน้ำร้อน ช่วยบรรเทาอาหาร ไขข้ออักเสบ เกาต์ หรือ อาจจะให้ดื่มน้ำ เซเลอรี วันละครึ่งแก้วก็ได้ คนไข้ที่ป่วยเป็น โรคไต ก็สามารถรับประทานได้ เซเลอรี่ ช่วยลด แบคทีเรีย ในทางเดินปัสสาวะได้ด้วย

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชา


ชา เป็นเครื่องดื่ม สารพัดประโยชน์ มี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ชาจีน กับ ชาฝรั่ง ซึ่งมีกลิ่นและรสต่างกันตามกรรมวิธีการผลิต ในใบชามี เคเฟอีน ที่กระตุ้นสองให้สดชื่นแจ่มใส มี สารแทนนิน ที่มีรสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียได้ โดย ชงชา ให้แก่จนฝาด แล้วดื่มเป็นระยะจนกว่าจะหยุดถ่าย อย่าดื่มมากเกินไปเดี๋ยวจะท้องผูก

นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ใน ชาจีน ยังมีสารต้าน มะเร็ง ที่มีประสิทธิภาพ สามารถยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อ มะเร็ง  รุนแรงได้ ดังนั้นเราจึงควร ดื่มชา ระหว่าง อาหารเป็นประจำ เพื่อป้องกัน มะเร็ง ไม่ให้มากล้ำราย


วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชะอม


ชะอม เป็นผัก กลิ่นแรงที่ให้เส้นใยอาหารสูง อม 100 กรัม ให้เส้นใยอาหารสูงถึง 3.9 กรัม ใยอาหาร จะจับสารก่อ มะเร็ง ต่างๆ เอาไว้เพื่อขับถ่ายทิ้งไปในที่สุด

ยอด ชะอม ที่เรานิยมนำมาทำ ไข่ทอด ชะอม รับประทานกับน้ำพริก ชะอม มีสารเบตาแคโรทีนสูง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นไวตามินเอ เปนสารตาน อนุมูลอิสระ ป้องกัน โรคหัวใจขาดเลือด ได้

ข้อควรระวังคือ คุณแม่ลูกอ่อน ไม่ควรรับประทาน ชะอม เพราะ เชื่อว่าจะทำให้น้ำนมแห้ง

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แครอต


แครอต อุดมไปด้วย เบตาแคโรทีน แครอต 1 หัว จะให้ไวตามินเอในปริมาณที่ร่างกายต้องการเพียงพอสำหรับ 1 วัน และยังมีไวตามินซีด้วย

แครอต มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนังและสายตา แครอต เป็นผักที่ได้ชื่อว่า ช่วยป้องกัน มะเร็ง อีกด้วย โดยเฉพราะ มะเร็ง ในปอด เพราะเบตาแคโรทีน เป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ  หรือ Antioxidant 


หากจะอดอาหารเพื่อสุขภาพ สัก 2-3 วันโดยไม่รับประทานอะไรเลย นอกจากน้ำกับ แครอตสด จะช่วยรักษาโรคตับ น้ำแครอต มีประโยชน์ต่อคนที่เป็น ดีซ่าน ด้วย

งา


งา ชาวมังสาวิรัติทุกคนจะรู้จัก งา เป็นอย่างดี งา 100 กรัม ให้โปรตีนถึง 26 กรัม และยังมี กรดอะมิโน ที่มีประโยชน์ต่อตับและไตอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

งา 100 กรัมมีเหล็ก 7 เมิลลิกรัม และสังกะสี 10.3 มิลลิกรัม ควรรับประทาน งา พร้อมกับผลไม้หรือผักที่ให้ไวตามินซี ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากโปรตีนและเกลือแร่แล้ว งา ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวและ ไวตามินอีอีกด้วย

คุณประโยชน์ที่สำคัญอย่างยิ่งของ งา อีกอย่างหนึ่งก็คือ งา มีแคลเซียมสูงมาก ใน งาดำ คั่ว 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 1,452 มิลลิกรัม ซึ่งคนปกติต้องการแคลเซียม 1,200 - 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้น การรับประทาน งา เป็นประจำจะช่วยเสริมแคลเซียมให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี

บทความที่ได้รับความนิยม